แนะนำผลงาน

‘ฝน’ เป็นน้องของ ‘ฟ้า’ เธอกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องคอยช่วย ‘ฟ้า’ พี่สาวผู้แก่กว่าหลายปี เก็บงำปัญหาให้พ้นจากการรับรู้ของครอบครัว เรื่องจึงใหญ่เกินกว่าที่สี่มือและสองหัวใจของสองพี่น้องวัยรุ่นจะแก้ได้ ขณะเดียวกัน ฝนเองก็ต้องค้นหาตัวตนไปพร้อมกับพยายามรักษาอาการ ‘ใจสลายเรื้อรัง’ ของตัวเอง ที่ดูเหมือนไม่มีทางหายขาด สายสัมพันธ์ของสองพี่น้องจึงแน่นแฟ้นขึ้นแม้ว่ามันจะบิด ๆ เบี้ยว ๆ เหมือนภาพที่เรามองเห็นในยามที่ ‘ฟ้ามีฝน’

เบื้องหลังแนวคิด

กราฟิกโนเวลเล่มนี้สำหรับเด็กโต เล่าเรื่องของสองพี่น้องที่ไม่สนิทกันอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งฝนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยปกปิดความลับของฟ้าจากครอบครัว

แรงบันดาลใจ

เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเอง เกี่ยวกับค่านิยมเรื่อง ‘ครอบครัวสุขสันต์’ ในสังคม ที่บางครั้งก็บีบให้เด็กนอกกรอบคิดของค่านิยมนี้ถูกตีตราว่าต้องเป็น ‘เด็กมีปัญหา’ เพราะครอบครัวไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น เราอยากให้เด็กที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงทางอยู่ในหมอกควันหนาทึบ ต้องพยายามหาทางออกตามลำพังไปพร้อมกับปกป้องสิ่งสำคัญไว้ ไม่ว่าจะเป็นอนาคต หรือสายสัมพันธ์อันกระท่อนกระท่อนระหว่างตัวเองกับคนในครอบครัว รู้สึกว่าตัวละคร ‘ฝน’ คือคนที่เหมือนกับเด็กคนนั้น คือคนที่กำลังต้องการเข็มทิศชี้บอกทาง เพื่อช่วยให้หลุดพ้นจากทางตันของปัญหาในชีวิต อยากให้เรื่องของ ‘ฝน’ ช่วยให้คนอ่านตระหนักว่าทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนตัวเองเดินถึงทางตัน ย่อมมีทางให้เราไปต่อได้เสมอ

กระบวนการทำงานและอุปสรรค 

แรกเริ่มเดิมทีเคยจะทำเรื่องอื่นก่อนที่จะตัดสินใจทำเรื่องนี้ ในช่วงแรกของการคิดหัวข้อธีสิสเสียเวลากับการคิดพล็อตที่ได้ไม่ได้ใช้อยู่พักใหญ่จนท้ายที่สุดก็ได้เริ่มเขียนกราฟิกโนเวลเรื่อง ‘เพราะฟ้ายังมีฝน’ เป็นไฟนอลโปรดัก โชคดีที่เราสามารถกำหนด mood & tone ของเรื่องได้เร็วทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการคุมโทนเรื่อง แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่ของการเขียนเรื่องนี้คือสภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเราเอง เพราะเกือบ 80% ในเรื่องเขียนมาจากเรื่องจริงของเรา ฉะนั้นการลงไปแตะที่อดีตของตัวเองแล้วเอาวัตถุดิบกลับมาเขียนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างคือเราต้องใช้ชีวิตกับคนต้นแบบตัวละครฟ้าทุกวัน บางครั้งยิ่งเห็นหน้าเขายิ่งไม่มีอารมณ์เขียนงาน ประกอบกับต้องพยายามปรับเนื้อหาบางส่วนของเรื่องที่ค่อนข้างรุนแรงให้เหมาะสมต่อการนำออกเผยแพร่งานด้วย นอกจากนี้ตัวเราเองก็ถือว่าเป็นมือใหม่มาก ๆ สำหรับวรรณกรรมประเภทกราฟิกโนเวล ทำให้ช่วงแรกมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดหน้า และเลือกฟอนต์ด้วย

วิธีแก้ปัญหา

จากปัญหาแรกที่เจอก็คือเรื่องเวลาที่เสียไปจากการเริ่มต้นงานช้า เราก็ต้องเร่งเขียนเนื้อเรื่อง และบทพูด สิ่งที่ทำให้สามารถเริ่มเขียนงานได้จริง ๆ คือการที่เราหยิบสมุดและปากกามานั่งเขียนทุกความรู้สึก พยายามระลึกถึงทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นแล้วเขียนออกมา จากนั้นก็คัดเลือกเนื้อหาบางส่วนมาปรับ แล้วก็ลงมือวาดร่างให้ออกมาเป็นรูปจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการลงสีที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ 

ปัญหาที่สองคือเรื่องการจัดหน้า วางรูปให้เข้ากับคอมิค ในส่วนนี้เราไปศึกษาวิธีการจัดเรียง รวมไปถึงวิธีการเขียนมังงะ แล้วก็พยายามอ่านให้มาก ๆ ทำให้พอจะสามารถจับจุดได้ ทำให้ปัญหานี้คลี่คลายลงไป

ส่วนปัญหาใหญ่ที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจ ในทีแรกตอนที่เขียนแล้วรู้สึกซึมเศร้า และเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในขณะที่เราทำงานชิ้นนี้ เรากลับมองเห็นบางแง่มุมที่เคยมองข้ามไป ได้มองเห็นตัวเองในตอนนั้นทำให้เรารู้สึกภูมิใจและรักตัวเองในวัน 17 ปี ที่เติบโตมาเป็นตัวเราปัจจุบันนี้ที่อายุใกล้จะ 23 และที่สำคัญเลยคือ เราคิดได้ว่าในบางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้ใหญ่ จะจากพ่อหรือแม่ก็ดี มันเป็นเพราะพวกเขาเองก็เพิ่งจะเคยเป็นพ่อเป็นแม่คนครั้งแรกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้เรารู้สึกว่าสามารถให้อภัยได้หากเขาทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง แล้วก็พร้อมที่จะรับมือ และแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กับพวกท่านมากขึ้น

เอกลักษณ์ของผลงาน

ลายเส้นและการลงสีทั้งเล่มเป็นแบบของเราเอง เนื้อเรื่องเราก็ดึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราเองมาถ่ายทอด ก็น่าจะมีเอกลักษณ์ของเราที่สุดแล้ว

อธิบายตัวอวตาร

ตัวอวตารของเราคือ ‘นักประดิษฐ์เข็มทิศ’ เขาสร้างเข็มทิศส่งให้เด็กผู้อาจจะกำลังหลงทางอยู่ในใจกลางปัญหา เข็มทิศอันนี้อาจจะไม่ได้บอกเส้นทางโดยละเอียดเหมือนกับแผนที่ว่าควรเดินไปทางไหนจึงถูกต้องที่สุด แต่ถ้าก้าวตามทิศที่มันชี้ไปข้างหน้าเสมอ ยังไงก็น่าจะไปถึงจุดเส้นชัยที่อยากไปถึง เราอยากให้ตัวอวตารนี้เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจคนว่ายังมีทางให้ไปต่อเสมอ เส้นทางยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ เรายังเดินต่อไปได้อีก

” ตัวละครฝนในเรื่องคือพาลาที่ต้องการเข็มทิศชี้บอกทางจากร้านที่ตั้งอยู่แถวสะพานไม่รู้จบ ที่จะช่วยให้ตัวเธอเองได้หลุดพ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นมาที่พาลาพาลาพารา เพื่อนำเอาเข็มทิศที่จะคอยชี้บอกให้เหล่าพาลาตระหนักว่าทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนตัวเองเดินมาถึงทางตันมันยังคงมีทางให้เราได้ไปต่อเสมอ เหมือนกับที่ทุกปัญหาล้วนมีวิธีแก้”

ธีริศรา นิลรัตน์ ณ อยุธยา (เนย)
neifyq@gmail.com