เนิ่นนานหนักหนาที่โลกาไร้สรรพเสียงแห่งเพลงกล่อมขวัญ “โอละเห่เจ้าแก้มพวง นวลละอองทองดีของแม่นา” เงียบงันจนกระต่ายบุหลันบนดวงจันทร์มิอาจนิ่งเฉย แต่ก่อนร่อนชะไรลำนำกล่อมขวัญอันอ่อนโยนระรื่นใจ ล้วนเอื้อนเอ่ย  ขับขานจากพ่อแม่ปู่ย่าจนกังวานลอยล่องไปถึงดวงจันทร์ เข้าหูยาว ๆ ของบุหลันให้ปลื้มปรีดาทุกทิวาราตรี

               เข้าปรัตยุบันสมัย ยุคไอที มีจอ แลเกมออนไลน์ เพลงกล่อมเด็กอันแว่วหวาน กลับเงียบงันจางหาย ไร้ผู้ยินยล ไร้คนขับขาน ด้วยมารดาสาละวนกับงานทั้งนอก และในบ้าน มวลมิตรเจ้าแก่นแก้วก็ล้วนแล้วแต่… หากไม่เร่งเรียนก็เกาะติดจอ บรรดาเจ้าหน้านวลล้วนเงื่องหงอย ว้าเหว่ สับสน แลเดียวดาย

               บุหลันน้อยหน้าละห้อย เห็นใจเจ้าโนเนโนนาด คิดว่า “หากมิเคยฟังเพลงกล่อมเด็กที่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ร้องชวนเด็กเล่น ปลอบ หรือขู่ขวัญ ด้วยสายใจอันอาทร แล้วเจ้าทรามสงวนน้อย ๆ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เยี่ยงไร” พลันนั้นบุหลันจึงเลื่อนลอยล่องลงมาจากดวงจันทรา เพื่อขับสายใยความอาทรอันอ่อนหวานส่งผ่านวรรณกรรมสร้างสรรค์ ขับขานคลอเคลียด้วยความเมตตารักเอ็นดู หวังให้เจ้าเนื้อทองได้สงบจิต วางใจ ผ่อนรักพักพิงในไออุ่นของบุหลันลำนำอันเสมือน “บทเพลงกล่อมขวัญ แด่เจ้าสายใจ”  

          ผลงานสร้างสรรค์ด้านวรรณกรรมสำหรับเด็ก ในงาน “บุหลันลำนำ” เปรียบดั่งบทเพลงกล่อมเด็กหลากหลายลีลา บางลำนำสนุกสนานเชิญชวนเจ้าเนื้อละมุนเล่นสนุก จับ ปั้น ขยำเล่น บางลำนำขับขู่ข่มเจ้าแก้มพวงให้ขวัญหายแกมบันเทิงใจ บางลำนำสร้างสรรค์เพื่อปั่นใจเจ้าดวงยิหวาให้หวั่นหวาด บางลำนำปลอบประโลมจิตเจ้าจำปาให้คลายว้าเหว่ และบางลำนำเป็นดั่งมิตรเคียงใจเจ้ายอดเสน่ห์เมื่อเร่ร่อนออกจากบ้านไปไกล  

“บุหลันหวังว่าด้วยลำนำกล่อมขวัญเจ้าสา

ที่ตั้งใจขับขานสร้างสรรค์ในครานี้ เจ้าจะอิ่มเอมใจ

แต่เช้าจนเที่ยง ถึงเย็นย่ำ และยามค่ำเอย”